LIFESTYLES SELF DEVELOPMENT

หมอกจางๆและควัน คล้ายกันจนบางที…รู้สึกเหมือนสมองฝ่อ

ยังไม่ทันแก่ แต่นึกอะไรไม่ค่อยออกเหมือนมีหมอกในหัว มันเป็นสิ่งที่เรียกว่า Brain Fog หรือจะแอบเรียกว่าเป็นอาการของสมองฝ่อก็ได้

เมื่อตอนคุณยังเด็ก เป็นแค่เด็กน้อยที่ไม่มีความเครียด คุณอาจะไม่ทันสังเกตถึงความไหลลื่นที่เราสามารถพูดสลับประโยคหรือสามารถเรียกชื่อนักแสดง ร้านอาหาร หรือชื่อครูประจำชั้นป. 4 ได้อย่าง ทันทีทันใดได้ แต่พออายุมากขึ้น สมองของคุณอาจไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนแต่ก่อนนัก
นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่ไม่ดีเอย สมองทำงานหนักเกินไปจากการรับข้อมูลข่าวสารที่มันท่วมท้น (อ่านเพิ่ม : 6 สเต็ป ในการเอาชนะ INFORMATION OVERLOAD ได้ที่นี่) ความเครียด หรือความวิตกกังวลจริงจัง บางครั้งคุณอาจพบว่าตัวเองรู้สึกลำบากในการหาคำพูดที่เหมาะสมหรือจำชื่อคนนั้นๆ บางอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ยากขึ้น

ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “หมอกสมอง” (หรือ “brain fog”) และมันอาจจะทำให้คุณประสาทเสีย สร้างความวิตกจริตจนทำให้คุณไปค้นหาคำตอบใน Google อย่างเมามัน ข่าวดีคืออาการนี้มักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่ถูกต้อง คุณจะสามารถทำให้สมองของคุณกลับมาเป็นปกติได้ ทางผู้เขียนจากเว็บไซต์ Real Simple ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อเรียนรู้สิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อกำจัดหมอกในสมองและช่วยให้จิตใจแจ่มใสปลอดโปร่งขึ้น

Brain Fog คืออะไร?

Brain Fog หรือความรู้สึกประมาณทึบๆมัวๆในสมองเป็นความรู้สึกทั่วไปของการหลงลืมและสับสน ซึ่งมักเกิดร่วมกับความยากในการทำสมาธิ “วิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายคือเมื่อคุณไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง แล้วสมองของคุณจะบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” ด็อกเตอร์ไมค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองและผู้เขียนได้อธิบายไว้ใน Brain Fog Fix ว่า “อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจมีปัญหาในการนึกถึงคำพูด อารมณ์หม่นๆ พลังงานต่ำ หรือบางคนอาจมีอาการหลงลืม”

the brain fox fix reclaim focus memory and joy
หนังสือ The Brain Fog Fix

แม้ว่าสาเหตุของภาวะสมองฝ่ออาจแตกต่างกันไป ตั้งแต่การอดนอนไปจนถึง สัปดาห์ที่ตึงเครียดจากการทำงาน ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักแนะนำให้เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของคุณก่อนที่จะเข้ารับการรักษา แต่อย่างไรก็ตาม หากการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ที่จะพูดถึงต่อไปนี้ไม่ช่วยให้สมองดีขึ้น ให้ติดต่อแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าอาจมีสาเหตุจากโรคประจำตัวหรือไม่

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่แนะนำ

  • 1. เปลี่ยนการทานอาหาร

สุขภาพทางเดินอาหารที่ไม่ดีก็เป็นสาเหตุหนึ่งของหมอกในสมอง ด็อกเตอร์ซาร่า บริจเจ็ส อธิบายว่า “มีงานวิจัยใหม่ๆมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าน้ำตาล และ อาหารแปรรูป ซึ่งไปเลี้ยงแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้ของเรา นำไปสู่การอักเสบ ไม่เพียงแต่ในร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในสมองอีกด้วย” นั่นเป็นเหตุผลที่คุณมักจะรู้สึกง่วงนอนหลังจากรับประทานของหวานหรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมาก “ความผิดพลาด” นั้นไม่เพียง แต่ส่งผลทางร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจิตใจด้วย อันที่จริงแล้ว ประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ของโดปามีนและเซโรโทนิน (สารสื่อประสาทที่ทำให้รู้สึกดี) นั้นผลิตขึ้นในลำไส้ของคุณ

แม้ว่าคุณอาจไม่ต้องการข้ามของโปรดสารพัดสิ่งไปเลย แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รวมอาหารต้านการอักเสบหรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นสมองไว้ในมื้ออาหารของคุณ “การรับประทานผักและผลไม้หลากหลายชนิดทุกวัน รวมทั้งการรับประทานพรีไบโอติกและโปรไบโอติก สามารถนำแบคทีเรียที่มีประโยชน์เข้าสู่ลำไส้ ซึ่งช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตสารสื่อประสาทที่กระตุ้นสมองได้ดีขึ้น” ดาวอธิบาย “คุณจะต้องแน่ใจว่าคุณได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะจากอาหารทะเลที่สะอาดหรืออาหารเสริม ซึ่งจะสามารถแก้ไขหมอกในสมองได้เช่นกัน”

การอดอาหารเป็นช่วงๆ—การจำกัดช่วงเวลาการรับประทานอาหารของคุณเป็นช่วงเวลา เช่น 8 หรือ 10 ชั่วโมงต่อวัน อาจช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองได้เช่นกัน “การอดอาหารเป็นช่วงๆ ทำให้เซลล์สมองใหม่เติบโต ที่เรียกว่าการสร้างเซลล์ประสาท การทำให้ร่างกายได้หยุดพักจากการย่อยอาหาร เท่ากับเป็นการให้สมองได้พักด้วย” บริดเจสกล่าว

  • 2. ปรับนิสัยการนอนของคุณ

แน่นอนว่าการนอนดึกไม่ได้ทำให้คุณเฉื่อยชาในวันถัดไป แต่ ถ้ารูปแบบการนอนหลับโดยรวมของคุณไม่เหมาะสม สมองของคุณก็จะทำงานไม่ได้ดีที่สุด “นิสัยการนอนที่ไม่ดีส่งผลต่อเราสองทาง คือ เพิ่มระดับความเครียด และรบกวนโอกาสของสมองในการพักผ่อนและฟื้นตัว” บริดเจสกล่าว “สิ่งนี้อาจจะมาจากการมีตารางการนอนที่ไม่สอดคล้องกัน นอนหลับไม่สนิท หรือการตื่นขึ้นกลางดึก ซึ่งทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณมีอาการสมองฝ่อได้ชั่วคราว”

  • 3. บรรเทาความเครียดของคุณ

ทุกวันนี้ สมองของเราเต็มไปด้วยข้อมูลจากข่าวสาร สื่อออนไลน์ ข้อความและอีเมลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องท่วมท้นในสมาร์ทโฟนของเรา ผลลัพธ์ก็คือ: สมองเราเหนื่อยล้า “เมื่อคุณมีภาระทางความคิดมากเกินไป หมายความว่าคุณทำหลายอย่างพร้อมกันมากเกินไป” บริดเจสบอกว่า “มันมากเกินไปสำหรับสมองของเรา”

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าว เรามีบางอย่างที่เรียกว่า “จังหวะอัลตราเดียน” ซึ่งเป็นวงจรที่ทำงานในช่วงเวลาที่เราตื่น จากข้อมูลการวิจัยของบริดเจ็สชี้ให้เห็นว่าการทำงานในช่วงเวลา 90 นาที แล้วหยุดพักเพื่อดื่มน้ำ เดินเล่นสั้นๆ หรือโทรศัพท์ สามารถช่วยพัฒนาพลังสมองของคุณได้ “การลดเวลาการทำงานที่ยืดเยื้อเหล่านั้นให้เหลือน้อยที่สุด จะช่วยบรรเทาความเครียดในสมองของคุณ”

การทำสมาธิยังสามารถช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ดร.ไมค์แนะนำให้นั่งสมาธิเป็นเวลา 12 นาทีทุกวัน (แม้เพียงไม่กี่นาทีก็ช่วยได้) และแน่นอน พยายามวางโทรศัพท์ลงสัก 2-3 ชั่วโมงต่อวันเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลมากเกินไป

  • 4. ออกไปเดินบ้าง

เราทราบดีว่าการออกกำลังกายที่ดีทำให้เลือดและออกซิเจนไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่การขาดการออกกำลังกายจะส่งผลเสียต่อสมองของเรา

Dow อธิบายว่า “การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนไปยังสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” ข่าวดีก็คือคุณไม่จำเป็นต้องกระโดดขึ้นจักรยานออกไปปั่นเสมอไป (แม้ว่าจะช่วยได้!) แม้แต่การเดินทุกวันหรือการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำอื่นๆ หนึ่งชั่วโมงดีที่สุด ก็สามารถรีเซ็ตสมองของคุณได้

  • 5. เล่นเกมลับสมอง

จากข้อมูลของดร.ไมค์ เมื่อพูดถึงสมอง วลีที่ว่า “จะใช้มันหรือเสียมันไป” นั้นจริง ดังนั้นลองปิดทีวีเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วเล่นโซลิแทร์ ปริศนาอักษรไขว้ หรือเล่นเกมลับสมอง (ควรเป็นเกมที่เกี่ยวกับความจำ) แทน แม้แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตราบใดที่เล่นและไม่เครียด ก็สามารถทำให้สมองของคุณได้รับการปรับจูนที่จำเป็นมากขึ้น

Sources :
Real Simple Editors. (2022). Struggling With Brain Fog? Here’s How to Clear Your Head. Real Simple.
https://www.realsimple.com/health/mind-mood/brain-fog

0 0 votes
Article Rating

You Might Also Like

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x