ถ้าคุณชอบหนังเรื่อง ‘Elemental’ ของ Disney Pixar และอยากเจาะลงไปในรายละเอียดอีกสักหน่อย โพสต์นี้น่าจะมีประโยชน์ เพราะเราจะพูดถึงบทเรียนชีวิตที่ได้จากอนิเมชั่นเรื่องนี้ (: Elemental เป็นเรื่องราวสดใสมีชีวิตชีวาชวนให้เราเข้าไปสู่โลกที่ชาวธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อาศัยอยู่ในเมืองอันพลุกพล่านชื่อว่า Element City หนังได้บอกเล่าเรื่องราวอันน่าหลงใหลของสาวธาตุไฟ เอ็มเบอร์ และ เวด หนุ่มมนุษย์น้ำผู้ที่ซึ่งค้นพบว่าความแตกต่างสามารถทำให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นเราชอบการผสมกันระหว่างความตลก อารมณ์ซึ้งๆ และภาพที่น่าทึ่งนะ แต่อย่างที่หลายๆคนหวังจากการ์ตูนของ Pixar เรื่องนี้ให้บทเรียนดีๆกับคนดูอย่างเราเช่นกัน ใน Elemental ได้ให้ข้อคิดอันมีค่าเกี่ยวกับการเป็นที่ยอมรับ ความรัก การทำตามความฝัน และพลังแห่งการสื่อสาร…
เคยได้ยินวลีนึงของคนญี่ปุ่นที่เป็นคำว่า Ichigo Ichie (อ่านว่าอิชิโกะ อิชิเอะ) ไหมคะ? ประโยคนี้มีต้นกำเนิดมาจากพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น แล้วมันแปลออกมาได้ว่า “การพบกันเพียงครั้งเดียว” วลีอันสวยงามนี้ ยังสื่อความหมายที่ลึกซึ้งในเรื่องของการหวงแหนทุกช่วงเวลาให้เหมือนกับว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต และทุกครั้งที่เราได้พบกับใครก็ตามควรถือเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ควรชื่นชมและเพลิดเพลินไปกับการพบกันให้อย่างเต็มที่.…
สำรวจแนวคิดที่น่าสนใจสี่อย่างของการดำเนินชีวิตแบบญี่ปุ่น ได้แก่ อิคิไก วาบิซาบิ กามัน และไคเซ็น แต่ละแนวคิดเหล่านี้แสดงถึงแง่มุมเฉพาะของวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่รวมเข้ากับชีวิตประจำวัน…
การคิดบวกไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง อันตรายของ “good vibes only” อาจทำให้เรามองไม่เห็นว่าปัญหาอยู่ที่ไหน…
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักหมีพูห์ เจ้าหมีพุงป่องใส่เสื้อสีแดง จากป่าร้อยเอเคอร์ เรื่องราวของหมีพูห์และผองเพื่อนจากการ์ตูน winnie the pooh ได้แฝงข้อคิดและคำคมเอาไว้เยอะมาก ซึ่งตอนเด็กๆเราอาจไม่ทันได้สังเกตหลายๆ quotes จาก winnie the pooh ได้ให้แง่คิดกับชีวิตของเรา ทั้งในด้านความรัก ความสัมพันธ์ ความฝัน และแง่มุมต่างๆของชีวิต ที่หากเรากลับมาดูอีกตอนโต อาจทำให้เราเชื่อมโยงตัวเราเองกับหมีพูห์และเพื่อนๆของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็น พิเล็ท อียอร์ อาว คริสโตเฟอร์ รอบิ้น…
เรื่องนี้เป็นอนิเมะ ซับไทย ที่เปิดมาแล้วคุณอาจสะดุดกับคำคมที่ขึ้นมาตอนเริ่มต้นของแต่ละตอน เพราะก่อนที่จะมาทำอนิเมะ เรื่องนี้เป็นไลท์โนเวล หรือนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผลงานของปรมาจารย์ชั้นครู และกวีเอกยุคเก่าแก่ของโลกสำหรับคนที่ชอบศึกษาด้านปรัชญา หรือชอบหาความหมายเกี่ยวกับชีวิตแนะนำว่าไม่ควรพลาดค่ะ…
แม้ว่านิยามความสุขของแต่ละคนจะแตกต่างกัน ตามประสบการณ์ของชีวิต แต่ใครก็ตามที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ เขาก็จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากขึ้น…
Alan Lightman นักฟิสิกส์และนักเขียน เคยกล่าวไว้ว่า การที่เราไม่ให้เวลากับตัวเอง สักนาที หรือ ชั่วโมง โดยปราศจากจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งรบกวนต่างๆนั้น ทำให้เราเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถของเราในการรู้ว่าเราเป็นใคร และอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา…
บทความนี้เขียนขึ้นมาเพื่อตอบข้อสงสัยของตัวเอง เนื่องจากไปเจอโพสหนึ่งบนโซเชียลมีเดียความว่า People who have a high spiritual intelligence don't just read word. They read mood, they read energy, they read vibes and body language. Their sense are supreme. They might not say much, but they notice everything. มาทำความเข้าใจมันให้มากขึ้น…
คุณรู้ไหมว่าอะไรที่อันตรายยิ่งกว่า AI ? บทความนี้ Carlos E. Perez ได้พาคุณไปสำรวจรายละเอียดและแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นทำให้เราโง่ขึ้นได้ยังไง พวกเราต่างเคยมีประสบการณ์ ในการใช้จีพีเอสนำทางไปยังที่ๆไม่คุ้นเคย จนมานึกได้ทีหลังว่าเราไม่มีความทรงจำหรือความสามารถที่จะไปยังสถานที่นั้นอีกครั้งหากปราศจากการนำทางของ GPS หรือกว่าจะจำทางได้นั้นก็ต้องพึ่งมันหลายหนเลยทีเดียว ไม่ใช่เพียงสัญชาตญาณเรื่องทิศทางของเราลดลงเพราะไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่ความทรงจำของเราก็ด้วย พวกเราต่างสูญเสียความสามารถในการรำลึกเพราะการใช้อากู๋มากไปนั่นเอง ตอนนี้เราส่วนใหญ่จะชอบนึกไปในทางว่าเราจะค้นหาอะไรมากกว่าจดจำรายระเอียดของสิ่งๆนั้น…
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ชาฮิดา อาราบี เป็นแหล่งข้อมูลที่ช่วยบุคคลที่มีความอ่อนไหวสูงในการจัดการความสัมพันธ์กับคนที่เป็นพิษในชีวิต อาราบีใช้ความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับความอ่อนไหว ความฉลาดทางอารมณ์ และจิตวิทยา เพื่อให้แนวคิดและแนวทางเชิงปฏิบัติที่เอาไปใช้ได้จริง และนี้คือบทเรียนและข้อคิดสำคัญ 10 ข้อจากหนังสือ…
ลองนึกภาพนะว่าถ้าในหัวของเรามีโลกเล็กๆที่เป็นเหมือนห้องควบคุมในยานอวกาศ และเป็นที่อยู่ของอารมณ์ต่างๆ ของเราจะเป็นยังไง ในเรื่อง Inside Out 2 อารมณ์จะเป็นตัวละครน่ารักๆ มีหน้าที่ดูแลความรู้สึกของเรา อย่าง “ลั้นลา” เป็นตัวสีเหลืองสดใส ชอบทำให้เรามีความสุข “เศร้าซึม” เป็นตัวสีฟ้า ช่วยทำให้เราเข้าใจความรู้สึกเศร้า และเห็นอกเห็นใจคนอื่น ซึ่งในหัวของไรลี่ตัวเอก จะมีห้องควบคุมที่พวกอารมณ์ต่างๆ ทำงานกัน บนแผงคอนโซลควบคุมมีปุ่มกดมากมาย มีหน้าจอใหญ่ที่แสดงสิ่งที่ไรลี่เห็นและคิด เวลาไรลี่ต้องตัดสินใจอะไร อารมณ์พวกนี้ก็จะช่วยกันกดปุ่มควบคุมความรู้สึกที่เราแสดงออกมา…
เคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า เราอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไร? ความหมายของการอยู่คืออะไร? คำถามเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนไป 70 ปีก่อน นักคิดชาวฝรั่งเศสชื่อ ฌอง-ปอล ซาร์ตร์ เคยมีแนวคิดที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซาร์ตร์เชื่อว่า ทุกคนมีอิสระในการเลือกและตัดสินใจ แต่พร้อมกันนั้นก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง เขาท้าให้เราคิดใหม่ว่า ตัวเรานี่แหละที่เป็นผู้กำหนดความหมายให้กับการดำรงอยู่ของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งอื่น ในบทความนี้ เราจะสำรวจแนวคิดของซาร์ตร์ ดูว่ามันจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและโลกรอบตัวขึ้นได้อย่างไร…
การผัดวันประกันพรุ่งไม่ใช่แค่ความขี้เกียจหรือบริหารเวลาที่ไม่ดีเท่านั้น แต่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนซึ่งส่งผลกระทบต่อพวกเราหลายๆคน ในบล็อกนี้ เราจะสำรวจจิตวิทยาเบื้องหลังการผัดวันประกันพรุ่ง ว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง และกลยุทธ์ในการเอาชนะกันค่ะ…
จริงๆ แล้ว การทำงานอย่างฉลาดและเน้นไปที่สิ่งสำคัญต่างหากที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ work smart not work hard…
สโตอิกไม่ใช่แค่ปรัชญาโบราณที่เราเคยได้ยิน แต่มันคือพลังที่จะปลุกความเป็นผู้นำในตัวคุณ…
ทำไมบางครั้งเราถึงได้ตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล แม้จะคิดว่าตัวเองกำลังใช้ตรรกะอยู่? หรือว่าทำไมมันง่ายมากที่จะเห็นข้อบกพร่องในความคิดของคนอื่น แต่กลับมองไม่เห็นของตัวเอง? …