ถ้าจะบอกว่านี่คือสิ่งที่เกม Candy Crush ทำกับสมองคนเรา มันก็อาจจะดูเจาะจงเกินไป เอาเป็นว่าในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างของเกม Candy Crush Saga เป็นกรณีศึกษาแล้วกันนะคะ ถึงแม้ว่าเกม Candy Crush จะฮิตมาตั้งแต่หลายปีก่อน จนถึงตอนนี้ยอดดาวน์โหลดใน playstore แตะพันล้านครั้ง เวลาที่ฉันนั่งมองแม่เล่น ก็ยังคงสงสัยว่า เกมประเภทนี้ได้พัฒนาทักษะหรือมีผลต่อสมองของผู้เล่นยังไง คนสูงอายุส่วนใหญ่ก็อยากจะหากิจกรรมทำยามว่าง เล่นเกมเพื่อผ่อนคลาย วันนี้ก็เลยอยากจะหาคำตอบ …
โดยส่วนตัวแล้วถ้าให้ฉันเลือกเครื่องดื่ม ฉันชอบที่จะเลือกชานมไต้หวัน ไม่ก็โกโก้มาก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนวันไหนเวลาที่อยากนอนดึก ฉันจะดื่มแค่นมกาแฟ (พวกดัชมิล เมจิ) เน้นว่านมกาแฟแค่ขวดเล็กๆก็ทำฉันตาค้างอยู่ยาวถึง ตี3 ได้ นานน๊านทีถ้านึกอยากทานกาแฟ ก็จะสั่งเป็นพวกคาปูชิโน่เย็น……
คิดว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกันจากเรื่องไร้สาระงั้นหรอ เปล่าเลย เราทั้งหลายต่างก็อินกับเรื่องไร้สาระทั้งนั้นแหละ…
ในหลายๆมุมของชีวิตที่ๆเราจำเป็นต้องใช้พลังสมอง เรามักจะนั่ง ไม่ว่าจะที่โรงเรียน ที่ทำงาน มีการสำรวจแล้วว่าการนั่งเป็นเวลานานๆนั้นอาจส่งผลต่อแหล่งพลังงานของสมอง และส่งผลเสียต่อสุขภาพสมองด้วย…
ความเหงาไม่ได้เป็นปัญหาแค่กับผู้สูงอายุ มันเป็นปัญหาของวัยรุ่นด้วยเช่นกัน……
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า แท็บ, เว็บไซต์ , ส่วนขยายต่างๆ ของ Google Chrome กำลังทำให้เครื่องช้าเราลง และไม่ใช่ความลับเลย ที่ว่า Google Chrome เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ทำให้คอมคุณช้า แม้กระทั่งคอมที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ…
ทฤษฏีภูเขาน้ำแข็งของเฮมิ่งเวย์ ได้ถูกนำไปใช้ในงานด้านประวัติศาสตร์ไปจนถึงแขนงต่างๆตั้งแต่วรรณกรรมไปจนถึงทรัพยากรมนุษย์ และที่เราจะบอกคุณในวันนี้ คือการนำทฤษฎีนี้ไปประยุกต์ใช้กับจิตวิทยา…
แม้ว่านิยามความสุขของแต่ละคนจะแตกต่างกัน ตามประสบการณ์ของชีวิต แต่ใครก็ตามที่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ เขาก็จะมีแนวโน้มที่จะมีความสุขมากขึ้น…
ภาพรวมของ Blue Collar และ White Collar “Blue Collar” และ “White Collar” ภาษาอังกฤษสองคำนี้ให้ภาพที่แตกต่างกันอย่างมาก คน Blue Collar มักมีรายได้น้อยกว่าคน White Collar คน White Collar มักจะนั่งทำงานที่โต๊ะทำงาน ในอุตสาหกรรมประเภทการบริการ ในขณะที่คน Blue Collar ต้องทำงานมือเลอะ ด้วยแรงกายตัวเอง ในแผนกการผลิต บางครั้งคน White Collar อาจมีการศึกษาที่ดีกว่าคน Blue Collar ลักษณะที่แตกต่างระหว่างพนักงานทั้งสองประเภทนี้ยังคงดำเนินต่อไปและก็ยังไม่มีคำจำกัดความในพจนานุกรมใดที่สามารถเสนอภาษาที่กระชับต่อคำเหล่านี้…
จากการศึกษาในปี 2009 พบว่าชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยเสพข้อมูลเนื้อหาคอนเท้นท์ 34 กิกะไบต์ และข้อมูลข่าวสารถึง 100,000 คำใน ทุกๆวัน แน่นอนว่ามากกว่าที่บรรพบุรุษของเราเคยเสพอย่างแน่นอน -ตอนนั้น iPhone เพิ่งจะเปิดตัวมาได้ 1 ปี ใครจะรู้ว่าพวกเราใช้ข้อมูลกันมากแค่ไหนในวันนี้ เราแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรที่คราครั่งไปด้วยข้อมูลและเรื่องราวต่างๆมากมายถาโถมประเดประดัง : สิ่งที่เราบอกกับตัวเอง สิ่งที่เราบอกกับคนอื่น สิ่งที่เรารับรู้จากข่าวสาร และสิ่งที่เราเลือกดูบนเน็ตฟลิกซ์ และหนังสือที่เราอ่าน ที่ฟังในพอดคาสท์ ที่เราตามในเฟสบุค อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าเรื่องราวเหล่านี้มีผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา…