SELF DEVELOPMENT

ทำไมเราควรให้เวลากับตัวเอง “อยู่เงียบ ๆ คนเดียว” ทุกวัน

Alan Lightman นักฟิสิกส์และนักเขียน เคยกล่าวไว้ว่า การที่เราไม่ให้เวลากับตัวเอง สักนาที หรือ ชั่วโมง โดยปราศจากจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสิ่งรบกวนต่างๆนั้น ทำให้เราเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถของเราในการรู้ว่าเราเป็นใคร และอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา

ในปี 2016 นักเศรษฐศาสตร์และนักธรรมชาติวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด E.O. Wilson (TED Talk : Advice to a young scientist)  ได้ตีพิมพ์ Half-Earth: Our Planet’s Fight for Life เขาเสนอว่าครึ่งหนึ่งของพื้นผิวโลกควรจะได้รับการกำหนดและคุ้มครองให้เป็นที่ดินอนุรักษ์

ตามข้อมูลของ World Wide Fund for Nature กล่าวไว้ว่า นับตั้งแต่ปี 2513 มนุษย์ได้ทำลายป่าและระบบนิเวศทางทะเลมากกว่าร้อยละ 30 ซึ่งการทำลายนี้ก็เป็นผลมาจากการเติบโตของประชากร ความปรารถนาที่จะเพิ่มความมั่งคั่ง และความสะดวกสบาย และความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่ไม่สามารถยับยั้งของทุนนิยมและความต้องการอันแรงกล้าของบุคคลบางกลุ่มเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งส่วนบุคคลของพวกเขา ซึ่งข้อเสนอของ Wilson อาจเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมาย แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของเราและกองกำลังที่คุกคามมัน

การทำลายตัวตนภายในของเราผ่านทางโลกอินเตอร์เน็ตเป็นอะไรที่เร็วและเปราะบางมาก การสูญเสียความเนิบช้า ของเวลาสำหรับการสะท้อนและการไตร่ตรอง, ของความเป็นส่วนตัวและความสันโดษ, ของความเงียบสงบ, ของความความสามารถในการนั่งเงียบ ๆ อยู่บนเก้าอี้เป็นเวลาสิบห้านาทีโดยไม่มีอะไรมากระตุ้นจากภายนอก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมากแทบจะไม่ทันสังเกต เมื่อหนึ่งร้อยห้าสิบปีที่ผ่านมาโทรศัพท์ยังไม่มี ห้าสิบปีที่ผ่านมาอินเทอร์เน็ตก็ไม่ได้มี เมื่อยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา Google ยังไม่มี.

สถานการณ์เลวร้าย เช่นเดียวกับภาวะโลกร้อน เราอาจอยู่ใกล้จุดที่ไม่ได้อะไร มองไปทางไหนแทบจะไม่มีการเตือนให้รู้ เรากำลังสูญเสียตัวตน เรากำลังสูญเสียความสามารถของเราที่จะรู้ว่าเราเป็นใครและอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา เรากำลังสร้างเครื่องจักรระดับโลกที่เราทุกคนเป็นฟันเฟืองอันปราศจากเหตุผลและสะท้อนกลับมาอย่างไม่หยุดยั้งด้วย ความเร็ว เสียง และความเร่งด่วน ที่ประดิษฐ์ขึ้นของโลกไร้สายนี้

ผมต้องการจะเน้นย้ำให้เห็นว่า: ครึ่งหนึ่งของจิตใจที่ตื่นรู้ของเรานั้นถูกออกแบบมา และรักษาไว้ เพื่อให้เห็นภาพสะท้อนของความเงียบสงบ

อลัน ไลท์แมน

เราสามารถทำอะไรได้?
อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องสร้างนิสัยใหม่ให้จิตใจในฐานะปัจเจกบุคคลและสังคม เราต้องการสำนึกที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและปกป้องความสงบ ความเป็นส่วนตัว ความโดดเดี่ยว ความเฉื่อยชา การสะท้อนส่วนตัวบุคคล ที่ให้เกียรติภายในตัวเอง ที่ช่วยให้เราแต่ละคนสามารถตระเวนไปภายในจิตใจของตัวเองได้โดยไม่มีกำหนดเวลา

ข้อเสนอของ Wilson นั้นเด่นชัด และอลันก็ต้องการสร้างข้อเสนอที่ชัดเจนในทำนองเดียวกันว่า: ครึ่งหนึ่งของจิตใจที่ตื่นรู้ของเรานั้นถูกออกแบบมาและรักษาไว้เพื่อการสะท้อนถึงความเงียบสงบ มิฉะนั้นแล้วเราจะทำลายตัวตนภายในและความสามารถในการสร้างสรรค์ของเราเอง ช่วงเวลาที่ต่างกันตลอดทั้งวันนั้นสามารถอุทิศให้กับการไตร่ตรองและความสงบนิ่งที่ปราศจากสิ่ง เร้าจากโลกภายนอก

เราจะเพาะนิสัยการครุ่นคิดของจิตใจได้อย่างไร?
ยี่สิบปีที่แล้ว เพื่อนที่สอนในโรงเรียนมัธยมในเมืองอาร์ลิงตันมลรัฐแมสซาชูเซตส์ เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ กับนักเรียนของเธอ ในตอนต้นของแต่ละคาบเรียนเธอสั่นกระดิ่งและขอนักเรียนให้เงียบเป็นเวลา 4 นาที ดังที่เธอได้อธิบายในภายหลังว่า “ฉันอธิบาย [แก่นักเรียน] ว่าฉันรู้สึกว่าวันเรียนของเรามีความรวดเร็วเกินไปและเต็มไปด้วยเสียงรบกวน ความเงียบนั้นจึงอาจช่วยให้เราหลุดพ้นจากชั้นเรียนก่อนหน้าและเตรียมพร้อมกับชั้นเรียนปัจจุบันได้ มันเป็นช่วงเวลาเคลียร์หัวของเรา ฉันบอกว่าเรากำลังมุ่งที่ความเงียบทั้งภายในและภายนอก” ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าอัศจรรย์ เธอบอกฉัน ทั้งเธอและนักเรียนมีความสงบและโฟกัสมากขึ้น

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายๆองค์กรเช่น  https://www.mindfulschools.org  และ mindfuleducation.com  ถูกสร้างขึ้นเพื่อแนะนำช่วงเวลาแห่งความเงียบและการทำสมาธิในโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ตัวอย่างเช่นในปี 2015 Stacy Sims ผู้ให้คำปรึกษาด้านร่างกายและจิตใจได้เริ่มต้นโปรแกรมที่เรียกว่า https://www.facebook.com/mindfulmusicmomentsprogram  ซึ่งนักเรียนหลายๆคนฟังเพลงคลาสสิกสี่นาทีในช่วงเวลาประกาศช่วงเช้าที่คล้ายคลึงกับความคิดของเพื่อนที่แมสซาชูเซตส์ ช่วงเวลาดนตรีสมาธิขณะนี้ได้ดำเนินการกว่า 65 แห่ง ทั้งในโรงเรียน ค่าย และองค์กรให้บริการทางสังคมซึ่งโดยส่วนใหญ่อยู่ในซินซินนาติ

บางทีอาจจะกำหนดเขตปลอดจอในพื้นที่สาธารณะ และกฎหมายแรงงานที่มีการรับรองว่าทุกๆครึ่งชั่วโมงในแต่ละวัน พนักงานจะมีเวลาที่เงียบสงบในที่ทำงาน

เพื่อพัฒนานิสัยใหม่ของจิตใจ แต่ละกลุ่มอันหลากหลายต้องใช้วิธีการที่แตกต่างกัน อลันได้คำแนะนำบางอย่างซึ่งควรจะถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นมากกว่าจะมองว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบครบวงจร

•สำหรับนักเรียนนักศึกษา
ช่วงเวลาแห่งความเงียบสิบนาที ในระหว่างวันเรียน นักเรียนอาจจะนั่งเงียบๆแล้วเขียนความคิดในสมุดในช่วงเวลานี้ โรงเรียนต่างๆมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันและแต่ละโรงเรียนก็จะรู้วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างช่วงเวลาแห่งความเงียบนั้น

ยกตัวอย่าง ในวิชาประวัติศาตร์หรือวิชาเคมี อาจให้นักเรียนลดปริมาณการอ่านและแบบฝึกหัดลง แล้วกระตุ้นให้นักเรียนใช้เวลาว่างทบทวนถึงสิ่งที่พวกเขาเรียนอะไรไปและเกี่ยวข้องกับชีวิตหรือเป้าหมายในชีวิตของพวกเขายังไง

•ในสถานที่ทำงาน
ห้องที่เงียบสงบหรือพื้นที่ใกล้เคียงที่พนักงานได้รับอนุญาตให้ใช้ และควรใช้เวลาสักครึ่งชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อทำสมาธิ ใคร่ครวญ หรือแค่เพียงใช้เวลาเงียบ ๆ ไม่อนุญาตให้นำสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เข้าไปในห้องเงียบ ระยะเวลาแห่งความเงียบสงบนี้ไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของช่วงพักกลางวันปกติ

•สำหรับครอบครัว
หนึ่งชั่วโมงปลอดปลั๊กในช่วงเย็น ระหว่างมื้อเย็นอาจปิดโทรศัพท์ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ มื้อค่ำควรเป็นเวลาสำหรับการสนทนาที่เงียบสงบ

•บุคคลทั่วไป
ควรคิดถึงวิธีที่พวกเขาใช้เวลาในแต่ละวัน และพยายามที่จะสร้างครึ่งชั่วโมงให้ห่างจากโลกที่มีสาย เช่น การเดินขณะที่ถอดปลั๊ก การอ่าน หรือเพียงแค่นั่งเงียบ ๆ

•สำหรับสังคมโดยรวม พื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่สาธารณะซึ่งห้ามใช้อุปกรณ์ดิจิทัล และกฎหมายแรงงานที่พนักงานได้รับการประกันครึ่งชั่วโมงในแต่ละวันของเวลาที่เงียบสงบในที่ทำงาน

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนิสัยของจิตใจจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็สามารถทำได้ด้วยความมุ่งมั่นเพียงเล็กๆน้อยๆ

เราแต่ละคนสามารถหาเวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อใช้เวลา

และเมื่อเราทำเช่นนั้นได้ ก็เท่ากับเราได้มอบของขวัญให้ตัวเอง มันเป็นของขวัญให้กับจิตวิญญาณของเรา

มันเป็นความเคารพของเสียงเงียบที่กระซิบ เป็นการปลดปล่อยจากกรงของโลกไร้สาย

มันคือเสรีภาพ หลายสิบปีที่ผ่านมาตอนที่เด็กชายอลันที่กำลังเดินกลับบ้านจากโรงเรียนผ่านป่า ตามเต่าที่กำลังเดินเคลื่อนไปตามเส้นทางที่สกปรกอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆในการเฝ้าดูลูกอ๊อดอยู่ในหนองน้ำหรือแกว่งดอกหญ้าในสายลม ตอนนั้นเขาเป็นอิสระ เราไม่สามารถกลับไปยังโลกแบบนั้นได้ แต่เราสามารถสร้างพื้นที่บางส่วนในโลกของเราได้ในวันนี้ เราสามารถสร้างพื้นที่นั้นขึ้นภายในใจของเราเอง

0 0 votes
Article Rating
See also  เข้าใจตัวเองผ่านอารมณ์ใน Inside Out 2

You Might Also Like

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x