การคิดในแง่บวกช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ด้วยความเข้มแข็ง และมีความหวัง
แต่เช่นเดียวกับทุกสิ่ง มากเกินก็ไม่ได้ดีเสมอไป คิดแง่บวกมากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้
เมื่อเราบังคับตัวเองให้คิดบวกตลอดเวลา เราอาจตกเป็นเหยื่อของแง่บวกที่เป็นพิษหรือแง่บวกจอมปลอม…
แล้วแง่บวกเป็นพิษคืออะไร?
ตามคำจำกัดความ แง่บวกที่เป็นพิษก็คือ “การสร้างสภาวะที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดีมากเกินไปในทุกสถานการณ์”
ลองนึกภาพตอนคนจะเลิกกับแฟน เค้าโพสรูปมีมตลก ๆ เพื่อหวังว่าจะหัวเราะ และเขียนแคปชั่นขึ้นในฟีดว่า “ทุกอย่างจะโอเค” แล้วคุณคิดว่าถ้าเป็นตัวเองจะรู้สึกโอเคไหมหรือว่าจะยังโกรธ หรือขำทั้งที่น้ำตายังไหล?
คำพูดที่ว่า “พยายามต่อไปแล้วคุณจะไปสู่จุดนั้น” อาจทำให้คุณมองเห็นความหวังในบางครั้ง แต่มันไม่ได้ตอบคำถามตั้งแต่แรกว่าคุณควรจะไปที่ไหน และทำไมคุณถึงไม่อยู่ที่นั่น การมองโลกในแง่บวกมากเกินไปทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบความรู้สึกของเราและค้นหาปัญหาที่แท้จริงได้
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณถลำไปไกลแล้ว? และคุณจะหลีกเลี่ยงแง่บวกที่เป็นพิษนี้ได้อย่างไร?
ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนสำหรับไว้เช็คตัวเองคร่าวๆ
ตัวอย่างของการคิดบวกที่เป็นพิษ
แง่บวกที่เป็นพิษเป็นอย่างไรเมื่อคุณพูดคุยกับผู้อื่น
ไม่ว่าคุณจะพยายามให้กำลังใจเพื่อนหรือปลอบโยนคนที่เสียใจ ประโยคต่อไปนี้อาจไม่ใช่สิ่งที่ควรพูด
“ทุกอย่างจะโอเค”
ในเมื่อตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ยังไม่เรียบร้อย และไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็วๆนี้ การพูดว่า “ทุกอย่างจะโอเค” แสดงว่าคุณกำลังบอกว่าคุณเองก็ยังไม่แน่ใจ
“เธอจะผ่านพ้นมันไปได้”
ใช่ คนจะหายเป็นปกติในเร็ววัน แต่การรักษาเยียวยานั้นเป็นกระบวนการที่ยาวนานและซับซ้อน อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะทำใจกับการสูญเสียหรือฟื้นตัวจากความล้มเหลว การพูดว่า “คุณจะผ่านมันไปได้” เท่ากับว่าคุณลดความซับซ้อนของกระบวนการฟื้นฟูจิตใจเป็นเส้นตรงจากจุด A ไปยังจุด B มันเป็นการเพิกเฉยหรือปฏิเสธต่อความยากในการเยียวยา
“คิดแง่บวกเข้าไว้!”
การคิดบวกไม่ใช่คำตอบของทุกคำถาม ตัวอย่างเช่น หากเพื่อนของคุณตกงานเพราะเขาไม่มีทักษะในด้านนั้น การคิดบวกจะไม่ช่วยให้เขาค้นพบปัญหาของเขา อันตรายของ “good vibes only” อาจทำให้เรามองไม่เห็นว่าปัญหาอยู่ที่ไหน
“อย่ายอมแพ้!”
การรู้ว่าอะไรไม่เหมาะกับตัวเองนั้นมีค่า คุณจะไม่ไปถึงจุดหมายปลายทางเลยไม่ว่าจะวิ่งไปผิดทิศผิดทางเร็วแค่ไหน
“เธอทำได้ดีกว่าคนอื่น ๆ ตั้งหลายคนแล้ว”
การเปรียบเทียบความทุกข์ของใครบางคนกับผู้อื่นไม่ใช่จุดเริ่มต้นที่ดี ประการแรก การพูดเช่นนั้น คุณไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกและความทุกข์ของคนๆนั้นได้ และสิ่งที่คุณบอกเป็นนัยด้วยประโยคนี้คือ “คุณกำลังแสดงละครเพราะมองแต่คนอื่น!”
ทุกคนเศร้าโศกและต้องใช้การเยียวยาที่ต่างกัน และการที่บอกว่าคนๆ หนึ่งกำลังแย่กว่านั้นมันก็ไม่ได้ทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น
คิดบวกเป็นพิษจะเป็นอย่างไรเมื่อคุณพูดกับตัวเอง
คุณสามารถบังคับตัวเองให้มีทัศนคติเชิงบวกได้ และนี่คือคำพูดที่น่าจะคุ้นเคยกัน
“การลาออกไม่ใช่ทางเลือก”
การเลิกล้มในครั้งแรกอาจเป็นสัญญาณของความอ่อนแอทางอารมณ์ แต่มันจะเป็นอีกอย่างหากคุณทำดีที่สุดแล้ว และสิ่งต่างๆ ยังคงไม่ได้ผล
อีกครั้ง การรู้ว่าอะไรไม่เหมาะกับคุณนั้นเป็นสิ่งมีค่า และการเปลี่ยนเส้นทางอย่างรอบคอบเป็นสิ่งที่เราควรทำให้เป็นนิสัย
“น้ำตามีไว้สำหรับคนขี้แพ้”
อารมณ์ของคุณทำให้คุณมีความเป็นมนุษย์ การร้องไห้เป็นวิธีปลดปล่อยความเครียด มีการวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้คนกว่า 80% รู้สึกดีขึ้นหลังจากร้องไห้ออกมา
และการชนะนั้นมีหลายมิติ คุณสามารถเก่งในอาชีพการงานและความสัมพันธ์ของคุณ แม้ว่าคุณจะร้องไห้เป็นบางครั้ง การให้คุณค่าตัวเองขึ้นกับวิธีจัดการกับอารมณ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
“เชิดหน้าเข้าไว้”
ไม่มีใครนอกจากคนโรคจิตที่สามารถมีความสุขได้ตลอดเวลา คุณไม่รู้สึกเศร้าโดยไม่มีเหตุผล และอารมณ์ของเราเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพจิตของเรา
อารมณ์เชิงลบเป็นสัญญาณว่าคุณต้องหยุดพักและทำงานภายในตัวตนของคุณเอง เมื่อเราให้เกียรติความรู้สึกของเราทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เราจะมีสติสัมปชัญญะและสงบสติอารมณ์มากขึ้น
“ทำงานให้หนักขึ้น แล้วทุกอย่างจะออกมาดีเอง”
ความจริงที่โหดร้ายคือบางครั้งการทำงานหนักก็ไม่ได้ผลเสมอไป ตัวอย่างเช่น ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษกับคนหลงตัวเองจะไม่ไปไหน ไม่ว่าคุณจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
การผลักดันตัวเองให้ “ทำงานหนักขึ้น” คุณละเลยเหตุผลอื่นๆ ว่าทำไมสิ่งต่าง ๆ ถึงไม่ได้ผลตั้งแต่แรก และคุณกำลังโทษว่าขาดความพยายาม
วิธีหลีกเลี่ยงการคิดบวกที่เป็นพิษ
ฟังก่อนพูด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพยายามปลอบใครบางคน บางครั้งไม่ใช่ความตั้งใจของคุณที่จะกดดันให้เพื่อนคิดบวก เพียงว่าคุณไม่ได้ใส่ใจเพียงพอกับสิ่งที่คนๆนั้นต้องการพูด ดังนั้นคุณจึงพยายามยุติการสนทนาที่ไม่สบายใจด้วยคำว่า “คุณไม่เป็นไรหรอก”
ประเด็นคือ คุณไม่จำเป็นต้องให้ทางออกหรือคำสัญญาเสมอไป บางครั้งคนก็อยากได้ยิน อยากถูกมองเห็น และเข้าใจ แทนที่จะพูดว่า “เธอจะไม่เป็นไร” ให้ลองพูดว่า “มันยากนะ”, “ฉันรู้สึกถึงเจ็บปวดของคุณ” หรือ “ฉันอยู่นี่ถ้าคุณต้องการไหล่ที่จะร้องไห้”
คำพูดให้กำลังใจควรมาจากความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ ไม่ใช่ความเขลาและการหลีกเลี่ยง
วิเคราะห์และค่อยๆปรับ
น่าแปลกที่เราได้ยินประโยคที่ว่า “แค่คิดบวก” ในสถานการณ์เชิงลบเป็นส่วนใหญ่ เป็นการสะดวกที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาที่แท้จริง แต่คุณไม่ได้แก้ไขสิ่งที่คุณหลีกเลี่ยง
คุณไม่ได้แก้ไขสิ่งที่คุณหลีกเลี่ยง
แทนที่จะด่วนสรุป ให้ใช้เวลาวิเคราะห์ว่าทำไมสิ่งต่างๆ ถึงไม่โอเคในตอนนี้ ตัวอย่างเช่น หากคุณเหนื่อยตลอดเวลาในที่ทำงาน แทนที่จะใช้คำพูดสร้างแรงบันดาลใจ ให้ลองพยายามเจาะลึกลงไปถึงเหตุผลเบื้องหลัง
เป็นเพราะงานตัวเองทำให้คุณเบื่อหรือเปล่า? หรือบางทีความพยายามของคุณไม่ได้รับการชื่นชมจากหัวหน้าของคุณ? หรือบางทีคุณจำเป็นต้องพัฒนาทักษะการบริหารเวลาของคุณ ค้นหาปัญหาและทำการเปลี่ยนแปลงตามนั้น
คุณเคยรู้สึกแย่จากการคิดแง่บวกที่เป็นพิษบ้างหรือเปล่า?
แบ่งปันเรื่องราวได้ในความคิดเห็นข้างล่างนี้นะคะ!
เห็นด้วยค่ะ ขอบคุณบทความดีๆที่ช่วยให้แสงสว่างเป็นกัลยาณมิตรให้กับทุกคนนะคะ👍🏻🫰🏻🩷