ยุคที่ใครๆก็พูดถึง “อีโก้” กับ “คนหลงตัวเอง” และสองคำนี้มักถูกใช้แทนกันบ่อยครั้ง
แต่รู้ไหม ว่าจริงๆแล้วมันต่างกันมาก
ไม่ใช่ทุกคนที่มีอีโก้สูง จะเป็นคนหลงตัวเอง
และไม่ใช่คนที่หลงตัวเองจะรู้ตัวว่าตัวเองมีอีโก้สูง
ตัวตนที่เราใช้ดำเนินชีวิต
คำว่า Ego มาจากแนวคิดทางจิตวิทยาของ Freud
มันคือ “อัตตา” หรือความรู้สึกตัวตน ที่ช่วยให้เรารับรู้ว่า “ฉันเป็นใคร”
อีโก้ไม่ใช่เรื่องไม่ดี — ทุกคนมีอีโก้ และจำเป็นต้องมี
เพราะอีโก้คือสิ่งที่ทำให้เรา
- รู้จักปกป้องตัวเอง
- ตัดสินใจบนพื้นฐานความจริง
- มีความมั่นใจ และรู้ว่าเรามีคุณค่า
แต่ถ้าอีโก้ มากเกินไป จนไม่ฟังใคร ไม่ยอมรับความผิดพลาด หรือยึดติดกับภาพลักษณ์ตัวเองมากเกินไป
อีโก้นั้นจะกลายเป็นกำแพงที่ขวางทั้งความเข้าใจ และความสัมพันธ์
เมื่อภาพลักษณ์สำคัญกว่าความรู้สึกคนอื่น
Narcissism ไม่ใช่แค่อีโก้สูง แต่คือบุคลิกแบบที่ “ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น”
คนหลงตัวเองมักจะ…
- ต้องการการยอมรับตลอดเวลา
- อยากเหนือกว่าคนอื่น
- ปกป้องภาพลักษณ์ตัวเองอย่างสุดโต่ง
- แต่ลึก ๆ แล้ว มักมี “ใจที่เปราะบาง” และ “กลัวถูกมองว่าไร้ค่า”
พวกเขาอาจดูมั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วภายในอาจเต็มไปด้วยความกลัว การเปรียบเทียบ และความว่างเปล่า
บางคนมีลักษณะเหล่านี้แบบ ชั่วคราวหรือบางช่วง (เรียกว่า narcissistic traits)
แต่บางคนมีมากจนกลายเป็นภาวะทางจิตที่เรียกว่า Narcissistic Personality Disorder (NPD)
ความต่าง
ข้อเปรียบเทียบ | Ego | Narcissism |
---|---|---|
มีได้ไหม? | มีได้ และจำเป็นต้องมี | มีได้เล็กน้อย แต่มากเกินไปไม่ดี |
จุดศูนย์กลาง | ความเข้าใจตัวเอง | ความต้องการให้คนอื่นเข้าใจฉัน |
ความสัมพันธ์ | ควบคุมได้ | มักทำลายความสัมพันธ์ |
ความรู้สึกผู้อื่น | พอจะเข้าใจได้ | มักไม่สนใจ หรือมองว่าไม่สำคัญ |
ความมั่นใจ | มั่นใจแบบพอดี | มั่นใจแบบเปลือกนอก อยากให้คนยอมรับ |
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นคนแบบไหน?
ลองถามตัวเองเบาๆ ว่า
- เราฟังคนอื่นจริง ๆ ไหม หรือแค่รอฟังตัวเองพูด?
- เราเคยขอโทษจากใจบ้างไหม หรือแค่ไม่อยากแพ้?
- เราอยากเป็นที่รัก หรือแค่กลัวถูกเกลียด?
คำถามง่าย ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ พาเราไปใกล้ใจตัวเองมากขึ้น
เพราะความเข้าใจตัวเอง คือกุญแจที่จะปลดล็อกทุกความสัมพันธ์ในชีวิต
ในวันที่เราต้องเลือกระหว่าง ‘ปกป้องตัวเอง’ หรือ ‘เข้าใจคนอื่น’
บางครั้ง ความสัมพันธ์ไม่ได้พังเพราะว่าเรารักกันน้อยลง แต่เพราะว่าระหว่างทาง เราต่างก็เริ่มเหนื่อยกับการต้องเป็นคนที่เข้าใจมากกว่า หรือบางครั้งก็เหนื่อยกับการไม่มีใครเข้าใจเราบ้างเลย
เราทุกคนล้วนมีบาดแผลในแบบของตัวเอง บางคนเรียนรู้ที่จะเข้มแข็งเพราะไม่มีทางเลือก บางคนสร้างกำแพงขึ้นมาเพราะครั้งหนึ่งเคยไว้ใจ แล้วถูกทำร้าย และบางคนก็เลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะคิดว่านั่นคือวิธีเดียวที่จะไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก
เมื่อความสัมพันธ์เริ่มขยับเข้าใกล้ใจมากขึ้น สิ่งที่เคยเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ในตัวเรา อาจกลายเป็นเขตแดนที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ เราจึงเริ่มเลือก… จะเปิดใจ หรือจะหันหลัง จะเข้าใจ หรือจะปกป้องตัวเองอีกครั้ง
คำว่า “Ego” กับ “Narcissism” มักจะถูกโยนเข้ามาในบทสนทนาเสมอเวลาความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอน
หลายคนมองว่า “อีโก้” เป็นเรื่องแย่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันคือกลไกหนึ่งของจิตใจที่ช่วยให้เรายังยืนอยู่ได้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างเราเลย ส่วน “Narcissism” หรือความหลงตัวเองนั้น อาจไม่ได้เริ่มจากความหยิ่งยโสเสมอไป แต่มันอาจเป็นเพียงวิธีที่ใครบางคนใช้ปิดบังเสียงในหัวที่เอาแต่กระซิบว่า “ฉันไม่ดีพอ ฉันไม่มีค่า ฉันจะไม่มีใครรักจริง ๆ หรอก”
บางที คนที่ดูเย็นชา ไม่ยอมเปิดใจ ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึก แต่อาจเป็นเพราะเขาเคยรู้สึกมากเกินไปจนมันเจ็บ และตอนนี้ เขาแค่ไม่อยากรู้สึกอีกแล้ว
ในวันที่เราต้องเลือกระหว่างการปกป้องตัวเอง กับการเข้าใจคนอื่น ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด
แต่บางครั้ง… ความเข้าใจเพียงนิดเดียว อาจละลายกำแพงที่อีกฝ่ายแบกไว้มาทั้งชีวิต
และความอ่อนโยนเล็กน้อย อาจทำให้เรากล้าถอดเกราะที่ใส่อยู่มานานแสนนาน
สุดท้าย
ไม่ว่าเราจะเลือกอะไร ขอแค่ให้เป็นการเลือกที่เรา “เห็น” ทั้งตัวเอง และคนตรงหน้าอย่างแท้จริง เพราะความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่ได้เกิดจากการเข้าใจกันเสมอไป แต่มักเริ่มจากวันที่เรายอมลดเกราะของตัวเองลง เพียงนิดเดียว เพื่อจะได้เข้าใจกันสักครั้ง อย่างจริงใจ
อีโก้ไม่ผิด
ความมั่นใจก็ไม่ผิด
แม้แต่ความกลัวที่หลบซ่อนอยู่ก็ไม่ผิด
แค่ขอให้เรา ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง และไม่ลืมมองไปรอบข้างด้วยความอ่อนโยน
เพราะคนที่ “ไม่หลงตัวเอง” ไม่ใช่คนที่ไม่มีอีโก้
แต่คือคนที่ รู้จักวางอีโก้ลงเมื่อถึงเวลา เพื่อจะได้รักใครได้อย่างแท้จริง