สิงคโปร์มีอะไร? ตอนที่ 1
สำหรับเราเองก่อนหน้านี้ พูดถึงประเทศสิงคโปร์ ก็จะนึกถึงประเทศเล็กๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าไปเที่ยวเลย เป็นประเทศที่คนไปทำงานทำการ ทำธุรกิจ ทำสตาร์ทอัพอะไรพวกนี้ เพราะเป็นเมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก แต่ถ้าให้ไปเที่ยวก็ไม่เห็นจะมีสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติอะไรให้ชื่นชมเลย
แต่แล้ววันหนึ่ง เราเกิดสนใจไปลงทะเบียนงานสัมนา ซึ่งงานได้จัดที่เมืองนั้น จนป็นที่มาของบล็อควันนี้
“สิงคโปร์มีอะไร? – 3 วัน 2 คืน คนเดียวก็เที่ยวได้”
ว่าแล้วก็แพ็คเป้ไป 1 ใบพร้อมลุย!
การไปเที่ยวคนเดียวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ อย่างเราครั้งนี้คือไปแบบมีจุดมุ่งหมาย คือเราได้หาข้อมูลมาก่อนว่าสิงคโปร์มีอะไรเป็นจุดขายที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน เราก็ได้ลิสต์สถานที่ๆน่าสนใจเอาไว้ ฉะนั้น การไปสิงคโปร์ครั้งแรก 3 วัน 2 คืนนี้เราจึงได้ทำแผนไว้คร่าวๆ เพื่อจะได้เป็นการไม่เสียเวลา และใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด

StarHub Travel Sim
ตอนอยู่บนเครื่องบินของสายการบิน Scoot บังเอิญเราเปิดเจอหน้าโฆษณาซิมมือถือของนักท่องเที่ยวพอดี ซิมของค่าย Starhub แพคเกจไม่เลว ราคา 12$ เราเลยถ่ายรูปเก็บไว้ ไว้ไปหาซื้อตอนถึงสิงคโปร์ พอไปถึงสนามบินชางงีเราก็เจอซุ้มแรกที่อยู่ใกล้กับ UOB ก็เลยจัดแจงถามเลยว่ามีมั้ย ปรากฏมีแต่ซิม hi! Tourist ของ Singtel ซึ่งเป็นค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของสิงคโปร์ แพคเกจคล้ายๆกัน แต่ราคา 15$ แพงกว่าหน่อยเราก็รีบจัดโลด พอเดินออกมาหน่อยตรงทางออกก็เห็นซุ้มใหญ่อยู่ มีของหลายค่ายให้เลือกเลย ไอเราก็รีบเกิ๊น แต่เอาเป็นว่าเน็ตแรงใช้ได้ ดีงามค่ะ
อ้อตรงที่กรอกตม.เราสามารถหยิบแผนที่ติดมือมาพกไว้ได้นะ มีข้อมูลทั้งหมดในแผ่นเดียว เส้นทาง mrt และจุดสำคัญๆต่างๆบนเกาะ แผนที่นี้ BB ใช้ตลอดการเดินทางเลย ไปไหนมาไหนสบายมาก พูดเลย
เดินไปตามป้ายบอกทางก็มาถึงสถานีรถไฟค่ะ พอดีที่สถานี Changi Airport ช่วงที่ลงมา คนเยอะหน่อย กะว่าจะซื้อบัตร EZ-Link สำหรับใช้เดินทางที่เป็นแบบเติมเงิน เลยขี้เกียจต่อแถว เที่ยวแรก BB เลยใช้หยอดเงินที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเอา ตอนแรกก็งงๆหน่อย เราใช้วิธีสังเกตคนข้างหน้าว่าเค้าทำยังไง ซึ่งจริงๆแล้ว ก็ไม่ยากเลยค่ะ

CG2 Changi Airport
เราจองที่พักแถว Chinatown เอาไว้ ทีนี้ก็เลยกดที่ช่องขายตั๋วอัตโนมัติเลือกสถานี EW16 Outram Park ซึ่งอยู่สายสีเขียว (สถานีนี้สามารถเดินขึ้นไปยัง Chinatown ได้) เมื่อขึ้นจากสถานีต้นทาง CG2 Changi Airport นั่งอีก 2 สถานี มาเปลี่ยนสายที่สถานี Tana Merah จากนั้นยิงยาวไปเลย
ตอนที่เรามาถึงสถานีไชน่าทาวน์ ช่วงคนไม่เยอะเราก็จัดการซื้อบัตรอีซี่ลิงค์เลยค่ะ มา 3 วัน ซื้อ 20$ (ยอดเงินที่ใช้ได้คือ 15$) เหลือก็ค่อยแลกคืน
ถึงแล้วที่ซุกหัวนอนของเรา Beds and Dreams Hostel
- Beds and Dreams
- Hostel
- Chinatown
เห็นศิลปะที่เสา กำแพง ผนังเละเทะแบบนี้ แต่คือข้อความของคนที่เคยมาเข้าพัก มีคนไทยเขียนไว้เยอะเลย
สำหรับที่ Beds and Dreams นี้เมื่อเราเช็คอิน เจ้าหน้าที่จะแจ้งรหัสเปิดประตูและรหัสไวไฟให้ทราบ พาเดินไปยังเตียงของเรา และแจ้งเวลาอาหารเช้า ห้องน้ำค่อนข้างแคบแต่ว่าสะอาดและสะดวกมาก มีไดร์เป่าผม ที่เตียงมีช่องเสียบปลั๊ก ไม่ได้ถ่ายรูมาแต่ว่าใช้ปลั๊กของเราเสียบได้เลย (ไอเราอุตส่าห์ติด Universal Adaptor มา ดันไม่ได้ใช้ซะงั้น 55)
เก็บของแล้วก็ไม่รีรอ ออกลุยต่อ ด้วยความหิว

เดินผ่านวัดแขก ถ่ายภาพด้านนอกมา
ด้วยความที่วันแรกยังไม่คุ้นเคยทางเดินไปเรื่อยๆผ่านวัดพระธาตุเขี้ยวแก้วพอดี ซึ่งเป็นจุดหมายที่เราตั้งใจไว้ว่าจะแวะมาวันที่ 3 แต่ไหนๆก็เดินผ่านแล้วเราก็เข้าไปชมข้างในซะเลย
- วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว (ด้านนอก)
- วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว

Buddha Tooth Relic Temple

ภายในวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว

ซอยด้านข้างวัดพระฐาตุเขี้ยวแก้วค่ะ บริเวณไชน่าทาวน์ เดินเล่นเลาะๆชิลล์ๆไป

เดินผ่านรถเข็นขายไอติม มีเด็กๆที่มาทัศนศึกษามุงกันเยอะเลย (อดใจไว้ก่อนเรา)

พอเดินเรื่อยๆก็เจออีกเจ้าค่ะ แต่สังเกตราคาแต่ละเจ้าจะไม่เท่ากัน อยู่ที่ 1.2-1.5

Yummy!
ถึงศูนย์อาหารละก็จัดข้าวมันไก่ก่อนเลย จริงๆแล้วเราตั้งใจจะมาทานร้าน Tian Tian ชื่อดังที่คนชอบมาทานกัน แต่ด้วยความหิว ก็เลยไม่เดินหาละ เจอร้านนี้คิวยาวใช้ได้ดิฉันก็เลยเดินไปสมทบเลยค่ะ

ร้านข้าวมันไก่สิงคโปร์ Heng ji chicken rice
รสชาตไม่ผิดหวัง ไก่นุ่ม น้ำจิ้มเด็ด เสียอย่างเดียวไม่ให้น้ำซุปมาด้วย อีกหนึ่งอย่างที่สังเกตคือศูนย์อาหารที่นี่ยังใช้ภาชนะโฟมและพลาสติกกันอยู่เลย คืออันนี้ไม่แน่ใจนะว่าที่สิงคโปร์เค้ามีระบบแยกขยะหรือนำพวกนี้ไปรีไซเคิลอะไรยังไง

ยกนิ้วให้ค่ะ อร่อย

อีกร้านก็น่าทานดี แต่ไม่ได้ลอง
ช่วงเย็นๆไปเดินที่ Garden by the Bay นั่ง mrt สายสีฟ้า จากไชน่าทาวน์ไปลง DT16 BayFront

garden by the bay map

แค่ปล่อยเท้าให้เดินไปเรื่อยๆ : )

ocbc sky way
เดินมาถึง Super Tree Grove เราอยู่ด้านล่างไม่ได้เดินขึ้นไปค่ะ คิดว่าอยู่ตรงนี้วิวทิวทัศน์ก็สวยเว่อร์แล้ว ด้านบนที่คนยืนอยู่นั้นเป็นสะพาน OCBC Skyway (มีแอบคิดเหมือนกันว่าถ้าเป็นแถวบ้านเรา คงไม่กล้ามานั่งมานอนใต้สะพานเพราะอาจมีสิทธิ์มีน้ำอะไรแปลกๆแหมะลงหัว)

super tree grove
อยากเล่าว่าก่อนหน้านี้ที่เห็นเพื่อนๆมาสิงคโปร์กัน ดูรีวิวอะไรมาบ้างก็ว่าที่ตรงนี้สวยดี ถ้ามีโอกาสมาสิงคโปร์ต้องไม่พลาดที่จะมาที่นี่ (แต่ใจก็แอบคิดว่ามันก็แค่โครงเหล็กติดไฟและต้นไม้ประดับประดา) ทว่ามาเจอของจริงที่สูงตระหง่านเย้ยท้องฟ้า เราก็หลงสเน่ห์มันโดยไม่รู้ตัว
เราหาที่นั่งปักหลักจริงจัง เลือกพื้นที่มุมดีๆ เพื่อรอชมการแสดงแสงไฟตอน 19.45
เรานอนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ากลายเป็นสีคราม จนมืดลง ถ่ายภาพไปเรื่อย นอนดูเฉยๆบ้าง และไม่ว่าตอนที่ท้องฟ้าเป็นสีไหน เจ้ากลุ่ม SuperTree ยังยืนเชิดอยู่เพื่อบอกว่า “พวกชั้นสวย”
นี่คุณป้าชาวออสซี่ที่นั่งชมอยู่ข้างๆค่ะ แกก็คุยกับเพื่อนไปพลาง บอกนี่ล่ะสุดยอดที่สุดแล้วจากทุกที่ในสิงค์โปร์ ชมอยู่ตลอดเวลา so gorgeous so unbelievable อลังการบลาๆ
และเป็นเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างขึ้นมา เสมือนดาวเต็มท้องฟ้า ประกอบกับการกระพริบเข้ากับจังหวะดนตรีโอเปร่า ยิ่งทำให้ขนลุกซู่เลย ประทับใจมาก (แสงไฟและดนตรีเราถ่ายวิดีโอเอาไว้)
- ขาเดินกลับไปทาง Marina Bay Sands
- เห็นไฟสวยๆที่ตัวตึกพอดี

เดินกลับสะพานที่เดินมาตอนแรก ตอนนี้มืดแล้ว

เดินมุดตึก Marina Bay Sands มาเรื่อยๆเห็นบ่อน้ำวนขนาดใหญ่ คนก็ดูเพลินๆไป
ออกมาด้านนอกบริเวณใกล้ร้าน Luis Vitton จับจองหาที่นั่งชมการแสดงน้ำพุอีก1โชว์ บริเวณนี้จากแผนที่จะอยู่ตรงข้ามกับเมอไลอ้อน พาร์ค
วิวด้านหน้าเป็นกลุ่มตึกระฟ้า ไม่รู้ทำไมเห็นตึกพวกนี้แล้วรู้สึกเหงาๆบอกไม่ถูก 55

โชว์น้ำพุมาแล้ว

แผนที่บริเวณ Bayfront