SELF DEVELOPMENT

ตรรกะวิบัติ และ อคติทางความคิด ต่างกันยังไง

ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้น การแยกแยะระหว่างความจริงกับความเชื่อที่ผิดๆเป็นทักษะสำคัญ ตรรกะวิบัติและอคติทางความคิด เป็นสองคำที่มักถูกใช้สลับกันในการอธิบายความผิดพลาดของกระบวนการคิด แต่แท้จริงแล้ว ทั้งสองคำนี้มีความหมายและที่มาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จะช่วยให้เราสามารถประเมินข้อมูล ตัดสินใจ รู้เท่าทัน และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเภทของตรรกะวิบัติ (Logical Fallacy)

ตรรกะวิบัติลักษณะตัวอย่าง
การโจมตีบุคคล (Ad Hominem)เป็นการโจมตีที่ตัวบุคคลแทนที่จะโต้แย้งประเด็น“เขาอ้วน จะมาพูดเรื่องสุขภาพได้ยังไง”
การอ้างอำนาจ (Appeal to Authority)เชื่อว่าถูกต้องเพราะผู้มีอำนาจหรือชื่อเสียงพูด“ดาราคนนี้ใช้ครีมนี้ ต้องดีแน่ๆ”
การอ้างความนิยม (Bandwagon)เชื่อว่าถูกต้องเพราะคนส่วนใหญ่ทำ“ทุกคนในออฟฟิศซื้อหุ้นตัวนี้ เราก็ควรซื้อ”
การอ้างความไม่รู้ (Appeal to Ignorance)สรุปว่าจริงเพราะไม่มีใครพิสูจน์ว่าผิด“ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าผีไม่มีจริง แสดงว่าผีมีจริง”
การสรุปแบบรีบร้อน (Hasty Generalization)สรุปจากข้อมูลน้อยเกินไป“เจอคนใต้ไม่สุภาพ 1 คน สรุปว่าคนใต้ไม่สุภาพทั้งหมด”
เหตุผลลื่นไถล (Slippery Slope)สรุปว่าถ้าทำ A จะนำไปสู่ B, C, D… ที่แย่ลงเรื่อยๆ“ถ้าให้ลูกเล่นเกมวันละชั่วโมง ต่อไปจะติดเกม ไม่เรียนหนังสือ อนาคตพัง”
การอ้างเหตุผลผิด (False Cause)สรุปว่า A เป็นสาเหตุของ B เพียงเพราะเกิดพร้อมกัน“ทุกครั้งที่ใส่เสื้อสีแดง สอบได้คะแนนดี แสดงว่าเสื้อสีแดงทำให้สอบได้คะแนนดี”
การแบ่งขั้วสุดโต่ง (False Dilemma)บังคับให้เลือกระหว่างสองทางเท่านั้น ทั้งที่อาจมีทางเลือกอื่น“ถ้าไม่รักประเทศ ก็ต้องเป็นคนทรยศ”
การอ้างความเห็นส่วนตัว (Appeal to Emotion)ใช้อารมณ์แทนเหตุผล“ถ้าคุณเป็นแม่ คุณจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้”
การเปรียบเทียบผิด (False Analogy)เปรียบเทียบสิ่งที่แตกต่างกันมาก“การเลี้ยงลูกก็เหมือนการปลูกต้นไม้ แค่รดน้ำพอ”
การอ้างประเพณี (Appeal to Tradition)เชื่อว่าถูกต้องเพราะทำมานาน“เราทำแบบนี้มา 20 ปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน”
การนำเสนอผิด (Straw Man)บิดเบือนข้อโต้แย้งของฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนแอลง“คุณบอกว่าควรลดการใช้พลาสติก แสดงว่าคุณต้องการให้ทุกคนกลับไปอยู่ถ้ำ”

วิธีรับมือกับเมื่อเจอกับตรรกะวิบัติ

  1. ตั้งคำถามสำคัญ
  • มีหลักฐานมาหรือไม่?
  • มีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องไหม?
  • การสรุปนี้สมเหตุสมผลหรือเปล่า?
  1. ตรวจสอบการให้เหตุผล
  • แยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น
  • ดูความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล
  • หลีกเลี่ยงการด่วนสรุป
  1. กลับมาที่ประเด็นหลัก
  • ไม่หลงประเด็น
  • อย่าให้อารมณ์มาบดบังเหตุผล
  • โต้แย้งที่เนื้อหา ไม่ใช่ตัวบุคคล
  1. หาข้อมูลรอบด้าน
  • ตรวจสอบจากหลายแหล่ง
  • รับฟังความเห็นที่แตกต่าง
  • พิจารณาข้อโต้แย้งอื่นๆ
  1. ฝึกสังเกตและแก้ไข
  • เรียนรู้รูปแบบต่างๆ ของตรรกะวิบัติ
  • ยอมรับเมื่อพบว่าใช้ตรรกะวิบัติ
  • พร้อมปรับปรุงวิธีคิดและให้เหตุผล

ประเภทหลักๆ ของอคติทางความคิด (Cognitive Bias)

  1. อคติในการตัดสินใจ (Decision Making Biases)
  • Confirmation Bias: มองเห็นแต่ข้อมูลที่สนับสนุนความเชื่อของตัวเอง
  • Anchoring Bias: ยึดติดกับข้อมูลแรกที่ได้รับ
  • Choice-supportive Bias: มองแต่ข้อดีของสิ่งที่เราเลือก
  • Overconfidence Bias: มั่นใจในความสามารถตัวเองมากเกินไป
  1. อคติในการจำ (Memory Biases)
  • Hindsight Bias: คิดว่าตัวเองรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
  • Availability Bias: ตัดสินจากข้อมูลที่นึกออกได้ง่าย
  • Selective Memory: จำแต่สิ่งที่ตัวเองอยากจำ
  • Peak-end Rule: จำแต่จุดสูงสุดและจุดจบของเหตุการณ์
  1. อคติทางสังคม (Social Biases)
  • Halo Effect: ตัดสินคุณลักษณะหนึ่งแล้วเหมารวมไปถึงคุณลักษณะอื่น
  • In-group Bias: ชอบคนในกลุ่มตัวเองมากกว่าคนนอกกลุ่ม
  • Stereotype: การเหมารวมคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
  • Attribution Error: มองว่าความสำเร็จของตัวเองเกิดจากความสามารถ แต่ของคนอื่นเกิดจากโชค
  1. อคติในการรับรู้ (Perceptual Biases)
  • Negativity Bias: ให้น้ำหนักกับข้อมูลด้านลบมากกว่าด้านบวก
  • Self-serving Bias: มองความสำเร็จเป็นของตัวเอง แต่ความล้มเหลวเป็นเพราะปัจจัยภายนอก
  • Illusion of Control: คิดว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์ได้มากกว่าความเป็นจริง
  • Framing Effect: ตัดสินใจต่างกันเมื่อข้อมูลเดียวกันถูกนำเสนอต่างกัน
  1. อคติในการคาดการณ์ (Prediction Biases)
  • Planning Fallacy: ประเมินเวลาที่ใช้ทำงานต่ำเกินไป
  • Optimism Bias: มองโลกในแง่ดีเกินไป
  • Pessimism Bias: มองโลกในแง่ร้ายเกินไป
  • Impact Bias: คาดการณ์ผลกระทบทางอารมณ์เกินจริง
  1. อคติในการประมวลผลข้อมูล (Information Processing Biases)
  • Dunning-Kruger Effect: คนที่รู้น้อยมักคิดว่าตัวเองรู้มาก
  • Curse of Knowledge: คนที่รู้มากมักคิดว่าคนอื่นก็รู้เท่าตัวเอง
  • Belief Bias: ตัดสินความถูกต้องของเหตุผลจากข้อสรุปที่ตัวเองเชื่อ
  • Bandwagon Effect: เชื่อหรือทำตามคนส่วนใหญ่

วิธีรับมือกับอคติทางความคิด

  1. ตระหนักรู้ว่าตัวเรามีอคติ
  2. รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง
  3. หาข้อมูลรอบด้าน
  4. ตั้งคำถามกับความคิดตัวเอง
  5. ใช้เครื่องมือหรือระบบช่วยตัดสินใจ
  6. ปรึกษาคนอื่นเพื่อมุมมองที่หลากหลาย

สรุปความแตกต่างของตรรกวิบัติและอคติทางความคิด

ตรรกะวิบัติอคติทางความคิด
ที่มาเกิดจากการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดเกิดจากกลไกการทำงานของสมอง
การแก้ไขแก้ไขได้ด้วยการฝึกคิดอย่างมีเหตุผลต้องใช้ความพยายามมากกว่าในการตระหนักรู้และแก้ไข
ความตั้งใจอาจเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้มักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

0 0 votes
Article Rating

You Might Also Like

Subscribe
Notify of
guest
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x